PostHeaderIcon งานลอยกระทง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

PostHeaderIcon Copy ไฟล์ ข้ามวัน !!!

ฮ่าๆๆ เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ที่ Notebook จากที่เคยคลิกแล้วติดจรวด ตอนนี้มาเป็นคลิกแล้วรอเป็นชาติ ผมเองไม่ชิ้นกับการใช้คอมพิวเตอร์ที่ช้าๆ มันรู้สึกไม่ทันใจ ใช้แล้วเสียความรู้สึก แต่ถ้าเรารู้ว่าเครื่องๆ นั้นมันช้าโดยอย่างนั้นอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่นี้เราเคยใช้มาแบบเร็วๆ ไม่กระตุกกับต้องมานั่งรอ ดูหนังก็กระตุก ขนาดพิมพ์ยังมีดีเลเลย ประมานว่าพิมพ์เสร็จแล้ว ตัวหนังสือกำลังขึ้นตามหลังมาอย่างช้าๆ วันนี้ก็เลยตัดสินใจ เอาว่ะ ล้างเครื่อง แมร่งเลยแล้วกัน ไหนๆ ก็ว่างแล้วไม่มีงานเท่าไหร่ ก็ตัดสินใจทันที ก่อนอื่นต้อง Backup ข้อมูลก่อน แต่นี้ล่ะปัญหาใหญ่ มัน Copy ข้อมูลได้ช้ามาก จากภาพข้างล้างจะเห็นได้ว่า ไฟล์มีขนาด 7 G กว่าๆ มันขึ้นมาเป้นวันเลย
โอ้ย !!! จะบ้าตาย ขนาดพึ่งจะลงวินโดวส์ไปเมื่อ 4-5 วันก่อนนะเนี่ย ช้าซะแล้ว ตอนนี้เลยคิดว่าจะลงตัวไหนดี เพราะตอนนี้ที่ลงคือ Windows 7 Ultimate 32 bit ครั้นจะลง Ubuntu 9.10 ใช้เป็น OS หลักเลยนี้ โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาแน่นอน แต่มันจะไปมีปัญหากับ คนอื่นที่ใช้ Notebook เครื่องนี้รวมกันผมนี้สิ เลยจำเป้นต้องลง OS 2 ตัวในเครื่องเดียว ไม่ตีกันตายก็บุญล่ะ ฮ่าๆๆๆ  !!!

ส่วน Ubuntu 9.10 หลังจากที่เค้าปล่อยให้โหลดกันตั้งแต่เมื่อคืน ผมเองยังไม่ได้โหลดเลยครับ เน็ตช้า อีกอย่างโหลดมาก็ยังไม่ได้ลงอยู่ดีเครื่อง PC เอาเมนบอร์ดไปเคลมยังไม่ได้เลย โทรไปถามน่าจะวันอาทิตย์นี้แหละมั่งน่าจะได้ 3อาทิตย์ผ่านไปแล้ว ใช้แต่ Notebook มันคนละอารมณ์กดับ PC เลย ไหนจะไม่ได้เล่นเกมส์ ทำงาน 2 จอก็ลำบาก ยิ่งประสิทธิภาพนี้ไม่ต้องพูดถึง ห่างกันเยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีใช้

30-10-52 19-13-34

PostHeaderIcon สิ้้นสุดการรอค่อย Ubuntu 9.10 ปล่อยให้ดวาน์โหลดแล้วจร้า !!!

29-10-52 22-03-04

สิ้นสุดการรอค่อยแล้ว ในที่สุดเราทาง Ubuntu ก็เปิดให้โหลด Ubuntu 9.10 แล้วครับ ใครที่ตามๆ กันอยู่ก็สามารถดเข้าตามไปโหลดกันได้ที่

desktop or laptop

http://www.ubuntu.com/getubuntu/download

netbook

http://www.ubuntu.com/getubuntu/download-netbook

Ubuntu Server Edition

http://www.ubuntu.com/getubuntu/download-server

PostHeaderIcon ประสบการณ์ของคุณตัดสินคนอื่นไม่ได้ !!!

ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ เคยเจอเหตุการณ์แบบผม หรือว่าเคยเจอบุคคลที่มีนิสัยประมานนี้ไหม (?) ประมานว่ามีคนมาบอกกับกับเราว่า เค้ามีประสบการณ์นี้มาแล้ว เค้าเจอปัญหาอะไร เราเองจะต้องเจอปัญหาเหมือนกันกับเค้า ง่ายๆ เลยเช่น เรื่องนี้เจอกับตัวตอนเข้าปี 1 ใหม่ๆ เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเป็นวันที่ต้องลงทะเบียนเรียน แน่นอนว่าเด็กปี 1 เข้ามาเรียนมหาลัยใหม่ๆ ไม่มีใครลงทะเบียนเรียนเป็นแน่นอน อาจารย์ที่ปรึกษาก็เลยฝากให้พวกรุ่นพี่ มาช่วยแนะนำ รุ่นน้อง(คือพวกผมนี้แหละ) แต่แค่ลงทะเบียนเรียน มันคงไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ แต่มันแนะนำแบบผิดๆ ผมกล้าพูดเลยว่ามันแนะนำแบบผิดๆ เพราะผมเองรู้ว่าผมจะเรียนไหว หรือไม่ไหว แน่นอนว่ามันมีประสบการณืในการใช้ชีวิตในมหาลัยมากกว่าผม รู้เปล่าว่ามันแนะนำผมว่ายังๆ ไง ? มันแนะนำให้ผมลงเรียน แต่วิชาที่มันเคยเรียนมาแล้ว วิชาที่มันเรียนนั้น ผมไม่ได้อยากเรียน แต่ดูเหมือนว่ามันพยายามจะให้ผมลงทะเบียนวิชานั้นให้ได้ (มึงได้ค่านายหน้าหรอว่ะ ) มันชอบพูดว่า วิชานี้มันยาก เพื่อนพี่เรียนมาแล้วติด F นะน้อง อย่าลงเลย วิชานี้เรียนง่าย ไม่มีรายงาน ไม่มีเช็คชื่อ ได้ A แน่นอน อันนี้พอทนครับ แต่ที่ผมเกลียดคือว่า สมมุติว่าหลักสูตรเค้ากำหนดให้ลง วิชา แมทกับสถิติในเทอมเดียวกัน มันก็มาแนะนำว่า น้องอย่าพึ่งลง ยังไงน้องก็เรียนไม่ผ่านหรอก ขนาดพี่เรียนยังไม่ผ่านเลย (เอ้าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ) มันคิดว่ามันเรียนแล้วติดเอฟ ทุกคนที่มาทีหลังมันจะต้องเรียนวิชานี้แล้วติด F กันทุกคนหรอ ที่สำคัญ มีรุ่นน้องบางคนที่หลงเชื่อมันไม่ลง (ตอนนี้พวกนั้นยังเรียนแมทกันอยู่เลย บางคนเรียนมา 3 ครั้งละ) ผมเองไม่ค่อยชอบที่ เอาประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอ หรือได้ประสบมาตัดสินคนอื่นว่า จะต้องเป้นแบบนั้น แบบนี้ แต่ที่ผมซะใจ ไอ้คนที่มันแนะนำผม ตอนนี้มันยังไม่จบเลยครับ เรียนมาจะครบ 6 ปี แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ เก่งจริงนะมึง

และเมื่อไม่น่ามานี้มี รุ่นพี่ทัก MSN มาถามข่าวคร่าว บวกจะอวดรู้ด้วยนิดหนึ่ง โดยเหตุที่ว่าตัวเองทำงานมาแล้ว 2 ปี ผมจะเขียนเป็นบทสนทนาดีกว่าครับ จะได้เข้าใจเข้าใจง่าย จะแทน A คือรุ่นพี่ และ B คือตัวผม ก็มาถามว่า 
A : สบายดีไหม ? 
B  : เลยบอกไปว่าสบายดี

พี่คนนี้ก็ตอบมาเลยว่า

A : ก็ดี งั้นเตรียมเคลียดได้เลย ฮ่าๆๆ

ผมก็งงอะไรของเขาว่ะ เลยตอบไปว่า

B : ทำไมล่ะครับ ถ้าหมายถึงทำงาน แล้วเครียดละก็ คงไม่ขนาดนั้น
A : จบมาแล้วก้อทำงานไง
B : ถ้าได้ทำงานหน้าคอม ไม่มีเครียดครับ สำหรับผมแล้วถ้าได้ทำงานที่ไม่ชอบนี้เครียดแน่ๆ แต่ถ้าเป้นงานที่ชอบ ทำทั้งวันก็ไม่เบื่อ
A : ให้มันจริง
B : ก็จริงครับ คอมพิวเตอร์ยังมีอะไรให้ผมศึกษาอีกเยอะ คงไม่เบื่อง่ายๆ
A : ส่วนใหญ่ก้อไม่ได้ทำอย่างที่เราตั้งใจไว้เสมอไปหรอก

พี่แกไม่ได้จบทางคอมพิวเตอร์ แต่ดันไปสมัครงานในตำแหน่งนี้ แล้วเค้าก็เสือกรับอีก แล้วมาทำเป็นบ่น หลังจากนั้นก็คุยกันยาวเลย เพราะผมเองก็ไม่ค่อยชอบให้ใครมาชี้บอกว่า อันนี้ผมทำได้ อันนั้นผมทำไม่ได้ เรารู้ตัวเองว่าสิ่งไหนที่เราสามารถทำได้ สิ่งไหนที่เราจะไม่สามารถทำได้

ผมเองคิดว่าประสบการณ์ของเรา ถ้าเราใช้ประสบการณ์ที่เรามีไปสอนคนอื่นมันก็ไม่ผิดหรอก แต่อย่าเอาประสบการณ์ของตัวเองไป ตัดสินคนอื่นว่า เราเจอมาแบบนี้ คนอื่นจะต้องเจอแบบนี้ เช่นกันกับเรา เพราะคนเราถูกสอนมาไม่เหมือนกัน สมองคิดคนละอย่าง มีความขยันแตกต่างกันออกไป ที่สำคัญบัญวาสนาที่มีมา มันก็ไม่ได้เท่ากัน การใช้ชีวิตก็ย่อมต่างกันออกไป ฉะนั้นอย่าเอาประสบการณ์ที่มีมาตัดสินคนอื่น ผมว่ามันดูน่ารังเกลียดมากกว่า

เหมือนพวกชอบแสดงว่าตัวเองเก่ง การที่คุณมีประสบการณ์นั้นมันก็ดี สำหรับตัวคุณเอง และมันจะดีแน่นอน ถ้าคุณได้ แชร์ประสบการณ์กับคนอื่น ยังไงก็ใช้ให้ถูกิธีด้วยนะครับ อย่าอ้างว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน เพราะคนอื่นเค้าไม่ได้อาบน้ำร้อนหม้อเดียวกันกับคุณ

PostHeaderIcon โดนอีกแล้ว Twitter is over capacity !!!

ไม่ได้เจอ กันกับ Twitter is over capacity. Too many tweets! Please wait a moment and try again มาหลายอาทิตย์แล้ววันนี้ สงสัยฤกษ์งามยามดี Twitter is over capacity เลยแวะมาเยี่ยมผม สงสัยจะคิดถึงกันน่ะเนี่ย ฮ่า ๆๆๆ แต่ยังไงก็ไม่ต้องแวะมาหาบ่อยๆ น่ะ ฮ่าๆ ไว้จะส่งข่าวคร่าวไปหาเอง แวะมาบ่อยๆ นี้เซ็งแน่นอน อดทวีต แน่นอนงานนี้

29-10-52 1-17-59

PostHeaderIcon หนังสือ : ความลับของสมอง ทำงานอย่างไรให้สมองมีความสุข

วันนี้ตั้งใจจะไปซื้อร้องเท้าใหม่ หลังจากที่ซื้อมาแล้วครั้งก่อน เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ก็โดนขโมยไปซะแล้ว ทุกวันนี้โจรมันก็ใจหมาจริงๆ ขนาดร้องเท้าเหม็นก็เหม็น มันยังขโมยได้เลย ไหนๆก็หายแล้วช่างมันเถอะ ก็เลยตัดสินใจจะไปซื้อร้องเท้าคู่ใหม่ แต่พอไปถึงร้าน ก็ไม่มีคู่ที่ถูกใจ สักคู่ เลยเปลี่ยนแผนไปร้านขายหนังสือแทน แต่วันนี้ที่ร้านขายหนังสือคนเยอะมาก แทบไม่มีที่ยืนอ่านในร้านเลย อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงกำลังเปิดเทอมใหม่ด้วย หลายๆ คนกำลังหาหนังสือมาอ่าน เช่นกันกับผมเอง ฏ้มีจุดมุ่งหมายจะมาหาหนังสือมาอ่านเช่นกัน ผมเองไม่ได้ซื้อหนังสือนานแล้ว เพราะเดือนนี้ไม่ค่อยมีเงินใช้ เลยยังไม่ได้ซื้อหนังสือสักเล่มเลย ไหนๆ ก็ใกล้สินเดือนเงินพอเหลือก็เลย จะซื้อหนังสือมาอ่านสักหน่อย พอเป็นกำลังใจในการเรียนและการทำงานต่อไป (การอ่านหนังสือสำหรับผม ก็เป็นการให้รางวัลตัวเองเหมือนกัน) เดินไปเดินมาภายในร้านก็เจอหนังสือถูกใจอยู่ 5 เล่มด้วยกัน

  1. ความลับของสมอง ทำงานอย่างไรให้สมองมีความสุข
  2. ปัญหาใจ ให้ใช้หัว
  3. ถ้าคิดว่าทำได้ คุณก็ทำได้ (If you think you can)
  4. หมอพญายม (เล่มนี้อ่านจบแล้ว แต่ยืมเพื่อนอ่าน)
  5. ปริศนา สมบัติอัจฉริยะ ตอน ผจญค่ายกลกระดูก

ใจผมถ้ามีเงินพอ ทั้ง 5 เล่มคงซื้อครั้งเดียวแน่นอน ตอนนี้เงินมีจำนวนจำกัด ต้องรอสิ้นเดือนก่อนอีก 4 เล่มที่เหลือจะตามมาเร็วๆ นี้แน่นอน ซึ่งเป้นการตัดสินใจที่ลำบากพอดู ที่จะเลือกเล่มใด เล่มหนึ่งมาเพียงเล่มเดียว เพราะทุกเล่มถูกใจผมหมดเลย ยืนคิดอยู่นานจน แฟนผมจนขี้เกียจรอ เค้าเลยเดินไปหาที่นั่งรอ ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดก็เลยตัดสินใจเลือก หนังสือ ชื่อ ความลับของสมอง ทำงานอย่างไรให้สมองมีความสุข แค่คำนิยามหน้าปกก็น่าสนใจแล้ว “แนะนำวิธีเชื่อมโยงข้อมูลในสมองส่วนที่เรียนรู้เข้ามากับส่วนที่แสดงออกไปให้ทำงานประสานกันอย่างราบรื่นเพื่อให้ได้ผลงานตามต้องการ” เขียนโดย Kenichiro Mogi (เคนอิจิโร โมงิ) และยังมีหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่นักเขียนคนนี้ได้เขียนขึ้นซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกันชื่อว่า ความลับของสมอง เรียนอย่างไรให้สมองมีความสุข และหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ ผู้แปลคือ บัณฑิต โรจน์อารยานนท์ 

เนื้อหาโดยสังเขปของหนังสือ

เผยกลไกการทำงาน อันน่ามหัศจรรย์ของสมอง โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองและระบบประสาทชื่อดังของญี่ปุ่น ผลงานต่อจากเล่ม "ความลับของสมอง เรียนอย่างไรให้สมองมีความสุข" คราวนี้ผู้เขียนจะมาไขความลับของข้อต่อไปของสมองที่ว่า...ทำไมบางครั้งคนเรา ไม่สามารถทำกิจกรรมออกมาได้ดังใจคิด หรือสิ่งที่เรียนรู้มากับสิ่งที่ทำเองจริงๆ กลับได้ผลที่แตกต่างกัน
พร้อมแนะนำวิธีเชื่อมโยงข้อมูลในสมองส่วนที่เรียนรู้เข้ามากับส่วนที่ แสดงออกไป ให้ทำงานประสานกันอย่างราบรื่น เพื่อให้ได้ผลงานตามที่ต้องการ นั่นคือ...เปลี่ยนจาก "เข้าใจ" เป็น "ทำได้" เพื่อให้เกิดสิ่งที่หลายคนเรียกว่าเซนส์ หรือคิดว่าเป็นพรสวรรค์ แล้วจากนี้ไป...การทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป ทำให้คุณเป็นคนที่มีคุณค่าและโดดเด่นไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

เนื้อหาภายในหนังสือ

1. การหมุนวงรอบของอินพุตและเอาต์พุตของสมอง
2. เทคนิคการจัดระเบียบข่าวสารในสมอง แบบโมงิ
3. การใช้ร่างกายขับเคลื่อนให้สมองทำงาน
4. ความคิดสร้างสรรค์เกิดจาก ประสบการณ์ x ความมุ่งมั่น x การเตรียมความพร้อม
5. การพบโดยบังเอิญ ทำให้ไอเดียเป็นรูปเป็นร่าง
6. สมองที่มองโลกในแง่ดี เป็นสิ่งดี
7. การเพิ่มไดนามิกเรนจ์เป็นการเพิ่มความกว้างของชีวิต
8. การทำงานคือการสร้างถนนไปยังที่ที่ไม่มีถนน

 

รูปภาพแผนที่

bhdbS96frY HF60PVhVrg Nfrr2HYz3e TSguAMNHIt VTpTxDyU94

PostHeaderIcon About Me

Picture0001 Picture0002

Persernal Profile

Nickname : นายประหยัด  โกษาแสง Mr.Prayad  Kosasaeng
Nickname : krapalm, palm, ปาล์ม
Internet name : krapalm, lampam
Age : 22
Brithday : 7 July 1987
homepage : http://www.blog-story.tk
blog : http://www.krapalm.com
avatar: dJCGV5867928-01 4119462376_1458655a63 krapalm

Social Network

Education

4rd year student, Bachelor of Science Program in Information and Communication Technology
Faculty of Informatics, Mahasarakham University

Computer Skill

Computer Language
  • ASP.Net
  • PHP 
  • Java
  • Javascript
  • HTML
  • XHTML
  • XML
  • SQL
  • CSS
  • ASP
  • AJAX
Operating System
  • Microsoft Windows
  • Linux, distro Ubuntu, distro Red hat, distro mint
Content Management System
  • Drupal
  • Wordpress
  • phpBB
  • Joomla
  • SMF
  • Moodle
  • Membo
Computer Technician
  • Installation and configuration of routers and firewalls
  • New installations of hardware, networks and software
  • Installation and configuration of OS Windows and Linux
  • Installation and configuration Server of  Windows server and Linux server
  • Setup and configuration of Mail Server, FTP Server
  • Internet professional
  • help desk technician
  • Computer Network and Security
  • systems administrator
  • network administrator
  • desktop support specialist
  • Analyze and troublshoot network connections
  • PrintServers, Routers, ADSL Modem Setup, Wireless Setup, VPN Connections

Interest

  • Web Programming
  • Games
  • Book
  • Knowledge management
  • Internet Marketing
  • Management
  • IT Support
  • Web Technology
  • Computer Network and Security
  • Business
  • Open Source
  • Network and Communication
  • Operating system

Portfolio

My Computer
  • CPU : Core 2 Duo 2.13 GHz @2.94 GHz
  • RAM : 6 G
  • Mainboard : Asus P5K
  • VGA : GF 8600 GT
  • OS : Windows 7 Ultimate 64 Bit and Linux Ubutu 9.10, Linux Mint 7
  • HDD : 80G, 160G, 250G, 320G
  • Acer Aspire 4520 OS : Windows 7 Home premium 32 Bit
4-10-2552_15-28-40
bxM3GIfsw9 DSC03814 DSC03815 DSC03816 DSC03818 DSC03819 FB71eluKOO h1afHg5lXJ RSTrNUYvYY

PostHeaderIcon อะไรกันนักหนา !!!


ผมว่ามันน่าเบื่อมากที่มี พวกนี้มาตาม Follower ประจำอะไรของมันไม่รู้ มันรู้ได้งว่าผมชอบอะไรพวกนี้ ฮ่าๆๆๆ มันขยัน follow มาก็ช่างมันถ้าวันไหนขยันก็ block หรือไม่ก็ report spam มีใครเจอพวกนี้บ่อยๆ แบบผมว่าเอ่ย ฮ่าๆ อย่าบอกน่ะว่่ามีแต่ผม คงไม่หรอกมั่ง

PostHeaderIcon รอดตาย ก็เลยได้มาเล่าให้ฟัง !!!

เมื่อช่วงเย็นๆ หลังจากที่วันนี้เหนื่อยจากการเดินทาง ประกอบกับยังไม่ได้ทานอะไรเลย ผมรู้สึกหิวมาก  ก็เลยจะทำอะไรทานสักหน่อย ก็เลยเสียบกะทะไฟฟ้าเพื่อจะทพอาหารทานแก้หิว ปะทั่งชีวิตไปพลางๆ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ ที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวผมเอง เรื่องมันมีอยู่ว่าผมโดนไฟดูด ทำไมถึงโดนไฟดูดนะเหรอ ทีแรกผมก็เสียบแค่ปลั๊กกะทะไฟฟ้านี้ล่ะครับ แต่ผมไม่ทราบว่า กรทะไฟฟ้านั้น หลอดไฟแสดงสถานะของมันเสีย ผมก็เลยคิดว่าไฟไม่เข้า นอกจากนั้นไฟแสดงสถานะในปลั๊กไฟฟ้าที่ผมนำมาต่อกับกะทะไฟฟ้ามันก็เสียซะอีกเลยไม่แน่ใจว่ามันเปิดหรือว่าปิดอยู่ ทำไงละ ? ผมก็เลยหาเครื่องใช้ไฟฟ้าขนิดอื่นมาเสียบที่ปลั๊กไฟดูว่าไฟมันติดหรือไม่ ก็มองไปเห็นผมไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกเจ้าเครื่องนี้ว่าอะไร แต่ผมเรียกว่าเครื่องรีดผม มันใกล้มือดี ก็เลยหยิบมาเสียบดู แต่ผมไม่ได้ดูอย่างละเอียดเลยว่ามันชำรุดหรือไม่ ผมจับมาเสียบปลั๊กทันที ทันใดนั้นมันก็ดูดผมทันที ผมตกใจมากพยายาม สลัดถึงแม้มือของผม ไม่ได้จับมันอยู่แต่ไม่ได้ได้หลุดจากมือผมเลย มันดูดติดมือผมได้ ผมพยายามสลัด จนในทีสุดสายไฟของเครื่องรีดผม มันหลุดจากปลั๊กไฟ ผมไม่อย่าคิดต่อเลยว่าถ้ามันไม่หลุดจากปลั๊กไฟ ผมจะเป็ยยังไงต่อ แต่ก็ยังดีที่ผมยังพอดีสติ พยายามสลัดทิ้ง ซึ่งเป็นความไม่รอบครอบของผมเองซึ่งปกติเวลาผมจะทำอะไร ผมมักจะทำอย่างรอบครอบ และทุกครั้งที่เดินภายในบ้านผมไม่เคยเดินด้วยเท้าป่าว แต่วันนี้ด้วยความหิวผมรีบเกินไป จนไม่ทันได้ส่วมร้องเท้า ทำให้ไฟฟ้าดูดผมเข้าแบบเต็มๆ ถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกปวดแขนอยู่เลย ทานยาไปแล้ว หวังว่าพรุ่งนี้คงจะหา
จากรูปด้านล่างจะเห็นได้ว่าสายไฟมันขายตรงด้ามจับพอดี และผมดันไปทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างปลายสายไฟทั้ง 2 ข้างทำให้มันวิ่งเข้าตัวผมแบบเต็มๆ แต่นับว่าผมยังโชคดี ก็เลยมาเขียนเป็นอุทาหรณ์  ให้คนอื่นได้ระมัดระวังตัว ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยที่เราไม่ได้ใส่ใจดูแลรักษา หลายๆ คนยังคงใช้งานแม้ว่าสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น มันไม่สมควรที่จะนำมาใช้งานแล้วก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นี้ผม ได้บทเรียนของชีวิต ค่อนข้างมาก แม่ผมเองพยายามบอกให้ผมซื้อปลั๊ก ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มันเสียมาใช้ใหม่ แต่ผมคิดว่ามันยังใช้งานได้ก็เลยไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่ แต่นับจากวันนี้ผมกล้าพูดเลยว่า ชีวิตของเรามีค่ามากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้เยอะมาก อย่าเสียดายเงินเพียงเล็กน้อยเลยครับ ถ้ามันแลกกับความปลอดภัยของคนในครอบครัวของคุณ
27102009(001)_wm 27102009(002)_wm 27102009(003)_wm 27102009(004)_wm 27102009_wm

PostHeaderIcon อำเภออัฉริยะ พัฒนาระบบบัตรคิวใช้เอง !!!

วันนี้ได้ ฤกษ์งามยามดีได้เคลียร์ตัวเองซะที หลังจากที่ใช้บัตรประชาชนที่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้านมาเกือบจะครบปี ฮ่าๆๆ อยู่มาได้ไงไม่รู้ เรื่องของเรื่องคือผมย้ายชื่อจากทะเบียนบ้านอันเดิม เข้าไปยังที่อยู่ใหม่ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา (อีกไม่กี่วันครบปีพอดี) แต่วันที่ย้ายทะเบียนบ้านนั้น ตรงถ่ายบัตรประชาชนคนเยอะมาก ก็เลยก่ะว่าเอาไว้วันหลัง ก็นี้แหละครับจนมาถึงวันนี้ ถึงได้ไปถ่ายบัตรใหม่ซะที แต่แค่ไปถ่ายบัตรผมคงไม่ต้องมาเขียน Blog ให้เปลืองแรงแน่นอนครับ มันมีอะไรมากกว่านั้น ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่แน่ใจว่า ปกติแล้วพนักงานราชการที่ทำการอำเภอ เค้าเข้าทำงานกันกี่โมง แต่วันนี้ผมไปที่ทำการอำเภอ ตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าไปถึงมีคนเยอะมากเดินไปเดินมา ที่รอไปใช้บริการต่างๆ นาๆ แต่ที่มันแปลกคือมีพนักงานทำมาทำงานในตอนนั้นแค่ 2 คน จนเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง คือเวลา 9.00 น.ก็เริ่มมีพนักงานราชการทยอยมาทำงาน โอ้วแม่เจ้า !!! อะไรกันเนี่ยมาถึงก็เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้  ผู้มาใช้บริการรับบัตรคิวนั้นเอง ผมว่าเรามาดูสภาพบัตรคิวกันก่อน ค่อยมาว่ากันต่อ

3nkSApjvpZ wJ5d9IqK63

หลังจากดูสภาพบัตรคิวแล้ว ผมจะกล่าวถึงขั้นตอนการรับบัตรคิวครับ มีขั้นตอนง่ายๆ นิดเดียว ซึ่งผมคิดว่าถ้าทำแค่นี้อย่าเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มันเปลืองไฟเลยครับ

  1. เลือกรายการที่ผมต้องการจะมาใช้บริการ เช่นผมจะมาทำบัตรผมก็ กด หมายเลข 1 ทำบตรประชาชนใหม่
  2. จากนั้นระบบจะให้ผมกรอก หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผมเอง มันให้ผมกรอก ผมก็กรอกให้มันซ่ะ เช่น 1 2345 67890 12 3 ก็ว่ากันไป
  3. จากนั้นระบบจะรายงานว่าคุณได้คิวที่เท่าไหร่ เช่นมันบอกว่าคุณได้ คิวที่ 15 ปกติมาถึงขั้นตอนนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์มันจะปริ้นบัตรคิวมาให้เรา แต่นี้ไม่ใช่ ผมยืนงงอยู่นาน แอ๊ะ !!! รับบัตรคิวตรงไหนหวา เลยถามพนักงานว่า บัตรคิวมันออกตรงไหน ?
  4. พนักบอกผมว่า น้องเห็นกล่องที่มี บัตรเติมเงินโทรศัพท์อยู่เยอะๆ ไหมค่ะ ผมก็บอกว่าเห็นครับ นั้นแหละค่ะ บัตรคิว ผมยิ่งงงไปใหญ่
  5. พนักงานเลยอธิบายต่อว่า คอมพิวเตอร์บอกว่าน้องได้หมายเลขอะไร น้องก็ค้นหาบัตรเติมเงินโทรศัพท์ที่มี หมายเลขเดียวกันกับที่คอมพิวเตอร์บอก ค่ะ ผมถึงกับ จ๊าก !!! มีแบบนี้ด้วยหรอ ใครเป็นคนพัฒนาระบบนี้เนี่ย !!!
  6. หลังจากได้บัตรคิวแล้ว ก็ไปนั่งรอครับ

หลังจากได้บัตรคิวมา มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า งบประมานที่รัฐให้มามันได้น้อยขนาดนี้เลยหรอ ถึงกับไม่ระบบบัตรคิวให้ใช้งาน ผมพยายามมองในแง่ดีว่า ทางอำเภออาจจะต้องการใช้งบประมานให้ประหยัดลง เลยนำสิ่งของที่ใช้แล้ว กลับมาใช้งานใหม่ ก็ยังทำให้ผมอดคิดไม่ได้อีกแหละว่า งบประมานส่วนที่จะมาพัฒนาในส่วนนี้มันไปตรงอยู่ในมือใครหรือเปล่า ? ซึ่งผมไม่อยากจะเอ่ยชื่ออำเภอ แต่ผมกล้าพูดเลยว่าอำเภอนี้ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดนี้แน่นอนครับ ใหญ่ๆ ไม่ใหญ่ ก็คิดดูเอาครับว่า มีงบประมานที่สามารถสร้างที่ทำการอำเภอใหม่ ที่ใหญ่เกือบจะเท่า ศาลาจังหวัดเลยก็ว่าได้ และที่แน่ๆ งบประมานแยกขาดจาก เทศบาลแน่นอนอันนี้ผมรู้ มันได้งบประมานมาคนละส่วน และเทศบาล ไม่ได้ตั้งอยู่ในที่เดียวกันกับอำเภอ ขนาดแค่เทศบาล ก็พึ่งสร้างที่ทำการเทศบาลไปด้วยงบประมาน 10 กว่าล้าน อันนี้ผมเข้าใจน่ะ ไหนๆ ก็มาเรื่องนี้แล้ว ขอพูดต่ออีกหน่อยมัน คันปากมาก

เมื่อต้นเดือน อบต.เปิดสอบรับพนักงาน เพื่อนผมพึ่งเรียนจบหมาด ไปสมัครสอบ ก็ประกาศผลสอบออกมาก็เป็นไปตามคาด มันสอบได้ที่ 1 แต่เค้าไม่รับเข้าทำ ด้วยเหตุผลอัน…….. เค้าบอกว่าอยากทำงานต้องยัดเงินใต้โต๊ะให้เค้า เป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท จ๊าก !!!! ประเทศจงเจริญมันเลยไม่เอา คนที่สอบได้ที่ 2-4 ไม่มใครเล่นด้วยกับระบบนี้ แต่ไอ้คนที่สอบได้อันดับ 5 มันยอมเสีย แต่ผมว่ามันเสียแค่ 1 แสนเวลามันเอาคืนคงหลายเท่าแน่ๆ ผมเบื่อระบบราชการก็แบบนี้แหละครับ ซึ่งตอนผมเรียนมัธยมเจอเหตุคล้ายๆ แบบนี้เยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น ปกติผมจะเป็นตัวแทนของเรียนไปประกวด แข่งขันงานวิชาการด้านคอมพิวเตอร์ทุกปีตั้งแต่ ม.1 - ม.6 ชนะบ้างแพ้บ้าง โดนโกงก็เยอะ ที่เจ็บใจมีอยู่ครั้งหนึ่งไปแข่งขัน พัฒนาเว็บไซต์ เค้าต้องการเอาแค่ที่ 1 กับ 2 เพื่อไปแข่งในระดับต่อไป ผมแมร่งโดนโกงแบบทำอะไรไม่ได้ คนทุกคนที่เห็นผลงานของผมต่างบอกว่า ชนะแน่นอน แม้แต่ไอ้พวกที่ได้ ที่ 1กับ 2 มันยังงงเลยว่าขนะได้ไงโรงเรียนที่ชนะที่ 1กับ 2 คือโรงเรียนเจ้าภาพ มันเล่นส่ง 2 ทีมเลยทั้งๆ ที่เค้าให้ส่ง รร. ละทีม แต่ผมสุดท้ายคือ เค้าให้ที่ 3 คือผมไปแข่งต่อ ผมก็ยังงงๆ อยู่ทำไมไม่ให้ เด็ก รร. มึงไปเองละ แมร่งได้ ที่ 1 กับที่ 2 นิ ให้กูที่ได้ที่ 3 ไปแข่งทำไมว่ะ จนหลังๆ มาผมเริ่มไม่ปลื้มกับการแข่งขันตามงานวิชาการแล้ว

มาเข้าเรื่องไปถ่ายบัตรประชาชนวันนี้ต่อครับ เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น หลังจากได้บัตรคิดมาผมนั่งรอนานมาก ผมได้บัตรคิวที่ 8 แต่ได้บัตรมาเหมือนไม่มีความหมาย เพระาแมร่ง  พนักงานไม่ได้เรียกตามบัตรคิวเลย มันเสือกเรียกตามความคุ้นเคย รู้จักใครมึงเล่นเรียก ลัดคิวเลย งี่กูไม่รู้จักมึงก็กูไม่ได้ถ่ายสิ ผมโมโหมากเพราะ ต้องพาแม่ไปทำธุระต่ออีก ผมกับแม่นั่งรอตั้งแต่ 8.00-10.30 มันไม่ยอมเรียกสักที ลัดคิวไปเรื่อย จนในที่สุดเลือดบ้าความยุทติธรรมของผม มันก็ขึ้นตาผมเดือนเข้าไปถามพนักงานทันที อยากด่ามันมากแต่สติยังมีอยู่ครบ ใช้เหตุผลดีกว่า เลยถามว่า ”ทำไม ไม่ให้บริการตามบัตรคิวที่ได้มาละ ทำแบบนี้คนที่มาก่อนก็เสียเปรียบสิ ทุกคนก็มีธุระมีงานที่ต้องทำ คุณเล่นรู้จักใครเรียกมาก่อน ลัดคิวไปเรื่อย แล้วจะมีกฎมีระเบียบไว้ให้ใครปฏิบัติตามละ “ พนักงานมันนิ่งไม่กล้าเถียง มันก็ขอโทษผม ฮ่าๆ ด้วยการแต่งตัวของผมด้วยมั่ง มันเลยไม่กล้าว่าผมคืน  ซึ่งดูไปแล้วผมแต่งตัวแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดกับคนอื่นทั่วไปที่มาใช้บริการในวันนี้ พูดได้ว่าผมแต่งตัวเรียบร้อยกว่าพนักงานหลายๆ คนในอำเภอซะอีก ไม่ใช่อะไรหรอกครับ วันนี้ผมมีนัดคุยงาน ต่ออีหหลายที และต้องไปพบญาติผู้ใหญ่กับแม่ เลยต้องแต่งตัวดูดี เรียบร้อย สักหน่อย

หลังจากนั้นพนักบอกกับผมว่า งั้นมานั่งเลยค่ะ จะรีบทำให้ จ๊ากกกก !!! มันยังจะลัดคิวอีก ผมเลยบอกไปว่า ก็รันตามบัตรคิวเลยสิครับ คนอื่นที่มาก่อนผมยังไม่ได้ทำก็เยอะ จากนั้นมันก็เปิดเครื่องรันบัตรคิว เริ่มมีเสียงเรียก นางสาว A เชิญที่ช่องหมายเลข 2 ค่ะ นาย B เชิญที่ช่องหมาย 5 ค่ะ เอออย่างนี้สิค่อยเป็นระบบหน่อย  ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่าครับ ที่ผมลุกไปพูด มีคนอีกไม่น้อยที่ยอมรอ ไม่ยอมเรียกร้องอะไร คนเราบ้างคน (อาจจะหลายคน) มีอำนาจอยู่ในมือ แล้วใช้ไม่ถูกวิธี ถ้าคนเรายอมลดเรื่องส่วนตัว คิดถึงสังคมสักนิด แค่นี้สังคมเราก็น่าอยู่แล้วครับ เหมือนโฆษณาสินค้าชนิดหนึ่งที่บอกว่า “ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำเพื่อตัวเองเสมอไป

PostHeaderIcon แมนยู หนูแพ้ แงๆๆ !!!

วันนี้เป็นอะไรที่ แมนยูแพ้แล้วเป็นการแพ้ที่ผมไม่ค่อยชินเลย เพราะโดยปกติแล้ว อย่าว่าแต่แพ้เลย แค่โดนยิงนำ ก็มีข้อความเข้ามา หรือไม่ก็ มีคนทัก MSN มาซำเติมในทันที ต่างจากวันนี้ที่แพ้ และทีสำคัญแพ้ทีมหงส์แดง ซะด้วย แต่เงียบ !! เพื่อนๆ หายหัวหมด ผมเดาว่า เงินโทรศัพท์พวกมันหมด อีกอย่างช่วงนี้ปิดเทอมพวกมันก็ กลับบ้านกันหมด อาจจะไม่ได้ดู และยังไม่รู้ผล ต้องรอดูผลพรุ่งนี้ อาจจะมีมาสักรายสองราย ฮ่าๆๆ เตรียมใจไว้แล้ว พวกมึงมาเลย แบร่ๆๆๆๆ

1604111

 manu11111_110  ts13

PostHeaderIcon ในที่สุดก็ได้ฝึกงานสักที !!!

ในที่สุดก็ได้ฝึกงานสักที เรียนมาจนจะครบ 4 ปีแล้วหรอเนี่ย วันนีพึ่งเห็นหลายละเอียดการฝึกงาน ช่วงระยะเวลาฝึกเริ่มตั้งแต่ วันที่ 2 เดือนพฤษจิกายน พ.ศ.2552 จนถึงวันที่ 30 เดือนมกราคม พ.ศ.2553 ก็ไม่นานมาก ซึ่งผมเองได้เลือกฝึกงานที่ ศูยน์วัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม ได้ทำเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล ของร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ร้าน karaoke ที่สำคัญหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เค้าจะให้ผมออกนอกพื้นที่ด้วย น่าจะสนุกไม่น้อย นอกจากผมแล้วยังมีเพื่อนอีก 2 คนรวมผมด้วยก็เป็น 3 คน ที่ฝึกงานที่นี้ 

รายละเอียดการปฏิบัติงาน

วันที่…… เดือน………. พ.ศ……

1.)           งานที่ได้รับมอบหมาย

1.               ....................................................................................................................................................................

2.               ....................................................................................................................................................................

3.               ....................................................................................................................................................................

2.)           สิ่งที่ปฏิบัติเมื่อได้รับมอบหมายงาน

1.               ....................................................................................................................................................................

2.               ....................................................................................................................................................................

3.               ....................................................................................................................................................................

4.               ....................................................................................................................................................................

3.)           ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน

1.               ....................................................................................................................................................................

2.               ....................................................................................................................................................................

3.               ....................................................................................................................................................................

สรุปผลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพประจำสัปดาห์

วันที่……  เดือน…………  พ.ศ…….

วันที่

งานที่ได้รับมอบหมาย (ระบุชั่วโมง)

งานพิมพ์

ธุรการ

ซ่อมเครื่อง

ติดตั้งโปรแกรม

เครือข่าย

เขียน Web Page

เขียนโปรแกรม

อื่นๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สรุปปัญหาในการทำงาน

.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
......................................................................................................................................………

PostHeaderIcon บ้านผมโดนตุ๊กแกยืด !!!

หลังจากบ้านสร้างได้ไม่นาน ผมและครอบครัวยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่เลย เพราะต่างคนก็ต่างทำงานอยู่คละที่ แต่ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญ ย้ายเข้ามาอยู่ซะแล้ว มันคือ เจ้าตุ๊กแก มันมาอยู่พร้อมครอบครัว เท่าที่เห็นประมาน 5-6 ตัว และที่ไม่เห็นอีกเท่าไหร่ไม่รู้ ที่สำคัญมันตัวใหญ่มาก ถ้านึกภาพไม่ออก เอานิ้วมือมารวมกัน 3 นิ้วมันมีขนาดเท่านั้นแหละครับ 23102009(002)
มองกล้องหน่อย 3 2 1 แฉะ23102009(003)อีกรูป
23102009(004) ไม่ยอมเปลี่ยนท่าเลย
23102009(001)
ตัวนี้ขี้อาย
sT9hHs7hgN
บ้านเจ้าของเดิมยังไม่ทุบทิ้ง กลายเป็นบ้านตุ๊กแกไปแล้ว

PostHeaderIcon อนาคตของชาติจะฝากไว้กับใคร…? เมื่อเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี ริแต่งงาน !!!

เมื่อเด็กไทย มีค่านิยมแปลกๆ จากเดิมที่เด็กประถมหรือแม้แต่มัธยม หน้าที่หลักของพวกเขาคือการรีบตื้นนอนแต่เช้า เพื่อไปโรงเรียน แต่บันนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว จากการได้พูดคุยกับเจ้าน้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน วัยเพียง 16 ปี ของผมพร้อมเพื่อนชาวแก๊งของพวกเธอ ซึ่งวันที่ผมได้คุยกับน้องๆ เค้านั้น ตรงกับวันพฤหัสบดี วันที่ 22 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 บ้านผมเองติดกับบ้านของน้า(พ่อของน้องสาว) ผมสังเกตเห็นว่าเปิดเทอมแล้วทำไมไม่ไปโรงเรียนกันทั้งๆ ก็ใส่ชุดนักเรียนก็เลยเดินเข้าไปถามน้องๆตอบว่าวันนี้ขี้เกียจไปเรียนเลยนัดกันโดนเรียนทั้งแก๊งประมาน 6 คน ซึ่งผมก็งงมากที พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมก็เลยขอพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับน้องๆ ผมขอวิจารณ์ไปทีละคำถามที่ผมถามน้องๆ เลยแล้วกันครับ
  1. คิดยังไงกับการเรียน ? ผมก่ะจะอธิบายประมานว่า คิดว่าเรื่องเรียนสำคัญไหม คิดยังไงกับเรื่องการที่ในระดับชั้นมัธยมศึกษา แต่น้องๆ เขาใจร้อนรีบตอบมาก่อน ซึ่งคำตอบเล่นเอาผมอึ้งไปพักใหญ่ๆ เลยครับ

    ตอบ : ก็ไม่ต้องคิดอะไร ส่วนใหญ่ไปโรงเรียนก็ไม่ได้ค่อยเรียนหรอก แต่งตัวพอได้เงินจากพ่อแม่ (น้องๆบอกว่าได้เงินไปโรงเรียนไม่ต่ำกว่าวันละ 150-200 บาท จ๊ากเลย! ตอนเราเรียนได้ 50 บทยังใช้ไม่หมดเลย)
    แต่ความจริงไม่เรียนก็ได้ ยังไงพ่อแม่ก็เลี้ยงดูได้อยู่ดี (ตอบมาได้อยากเข้าไปเดินเล่นในสมองของพวกเธอจริงๆ อยากรู้ว่ามันมีอะไรข้างใน)
  2. ไปโรงเรียน ทำไมไม่เข้าเรียน ?

    ตอบ : ความจริงก็เข้าเรียนทุกคาบนะ แต่ส่วนใหญ่จะเข้าสาย เพราะเดินเรียน เลิกจากวิชาหนึ่งก็เดินเล่นไปก่อน ผ่านไป 30 นาทีค่อยเข้าห้องเรียน (แล้วมันจะได้ความรู้ไหมเนี่ย !!!)
  3. ถ้าไม่เข้าเรียน แล้วทำกิจกรรมอะไรกัน ?

    ตอบ : ก็มีหลายอย่าง เช่น คุยโทรศัพท์กับแฟน (น้องๆ บอกว่ามีแฟนอยู่คนละโรงเรียน) เล่นไพ่และการพนันชนิดต่างๆ (ไม่มีดีสักอย่าง) หรือไม่ก็แอบกลับบ้านนอนดูหนังโป้ (ถึงกับอึ้งเลย ช่างกล้า !!!)
  4. หลักจากเลิกเรียนแล้วทำอะไรต่อ ?

    ตอบ : ส่วนมากจะเอากระเป่ากลับไปเก็บที่บ้านแล้วก็ออกไปเล่นบ้านเพื่อน หรือไม่ก็คุยโทรศัพท์กับแฟนที่บ้าน ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่ออกไปขับรถเล่นกับเพื่อนมืดแล้วก็กลับ
  5. การบ้านทำตอนไหน ?

    ตอบ : ก็ทำพรุ่งนี้ไง ตอนไปโรงเรียน ถ้าทำเสร็จทันก็ส่ง ไม่เสร็จก็ไม่ต้องส่ง (ซิวๆ ว่างั้น)
แต่ยังไงผมขอจบไว้เท่านี้ล่ะครับ เพราะมีอีกหลายคำถามที่ผมถามไป แต่ได้คำตอบที่ไม่น่าจะได้ยินจากปากเด็กหญิงวัยเพียง 16 ปี มันสามารถเขียนคำถามได้ แต่คำตอบไม่น่าจะเขียนก็เลยไม่เขียนซะเลย บางคำถามก็เป็นคำถามที่แรงๆ น้องเค้าก็ตอบมาได้ ผมนั่งฟังน้องๆ เค้าคุยกัน ล้วนแต่เป็นเรื่องผู้ชาย ถ้านึกไม่ออกว่าเค้าคิดอะไรกัน ก็ลองมองย้อนกลับไปดูเวลาที่ พวกชายอย่างเราๆ อยู่ด้วยกันแล้วจะคุยเรื่องอะไรกัน แน่นอนส่วนมากจะเป็นเรื่องผู้หญิงแน่นอน ซึ่งผมเองแอบได้ยินน้องๆ เค้าคุยกัน ความจริงไม่ได้แอบหรอกผมก้นอนเล่นอยู่บ้านผม แต่น้องๆ เค้าคุยกัยเสียงดังเอง
กลายเป็นเรื่องที่ไม่สมดุลไปซะแล้ว สำหรับปัญหา คนที่อยากเรียนบางคนไม่มีโอกาสได้เรียน แต่บ้างคนมีเงินทอง เกินพอที่จะนำมาใช้จ่ายในการเรียน แต่ดันไม่อยากเรียน ไม่เข้าใจเลยว่า สวรรค์มักจะเล่นตลกกับคนเรา แต่ผมเข้าใจว่าถ้าเราเลี้ยงลูกให้รู้จักความสบายมากเกินไป มันก็จะชินกับความสบายจนคิดว่า ชีวิตนี้ไม่ทำอะไรก็ไม่อดตาย เพราะ มีพ่อแม่ค่อยดูแลตลอด
ผมลองมาเปรียบเทียบกับตัวเองในวัยเดียวกันกับน้องๆ เหล่านี้ มันแตกต่างกันมากๆ เลย อย่างผมเอง ในทุกๆ วันจะมีสิ่งที่ผมต้องทำซ้ำๆ กันและทำแบบนี้มาจนจบมัธยม เริ่มจากไปเรียน 7.30 – 14.30 น. จากนั้นกลับบ้าน รีบทำการบ้านให้เสร็จก่อน 17.00 น. จากนั้น เวลา 18.00 น. ของทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี มีเรียนพิเศษจนถึงเวลา 20.00 น. พอเสร็จจากการเรียนพิเศษก็มีแวะเที่ยวบ้างเล็กน้อย บางวันแม่จะมารับก็ไม่ได้เที่ยว ส่วนเสาร์อาทิตย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรียนพิเศษตั้งแต่ บ่ายโมง จนถึง สี่โมงเย็น แทบจะไม่มีเวลาเล่นเลย ก็ผมเองไม่เคยเครียดเลยที่ทำแบบนี้ ผมสนุกกับการเรียน ร้านขายหนังสือคือที่ประจำของผมที่เข้าแทบทุกวัน แต่ผมคิดว่า ส่วนสำคัญของการที่ทำให้ผมมีความสุกับการเรียน การอ่านหนังสือนั้น มาจากการที่พ่อแม่ ของผมเองเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมโตมากับการอ่าน ตั้งแต่มองเห็นผมก็เห็นพ่อแม่ นั่งอ่านหนังสือแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ พ่อแม่ของหลายๆ คนความสำคัญกับการทำงานมากกว่าจะสนใจลูก ซึ่งผมสงเกตเห็นหลายครอบครัว เป็นแบบนี้ แทนที่เลิกงานมาจะถามเรื่องเรียน สอนการบ้านให้ลูก กลับไม่ได้สนใจอะไรลูกเลย แต่ผมโชคดีมากที่พ่อแม่ผม สนใจจะถามเรื่องเหล่านี้ แม้กระทั่งทุกวันนี้พ่อแม่ ยังถามเรื่องเหล่านี้อยู่ การที่พ่อแม่ถามเรื่องการเรียนของลูก ทำให้เราคิดว่า การเรียนนั้นสำคัญต่อเรามากแค่ไหน
แต่ผมมารู้ทีหลังอีกว่า ที่น้องๆ เค้าไม่ไปโรงเรียนในวันนั้นเพราะ เป็นวันที่เพื่อนคนหนึ่งในแก๊งเดียวกันจะแต่งงานในตอนเย็น ผมถึงกับตกใจอย่างแรง ผมพึ่งมารู้เอาตอนเย็นเพราะบ้านของน้องคนนั้นอยู่ถัดไปจากบ้านผมเพียง 5 หลังเท่านั้นเอง วันต่อมาผมเลยถามแม่ว่าทำไมเค้าถึงต้องการ แต่งงานเร็วขนาดนี้ แม่ผมเองก็ธรรมดาที่ไหน ไปถามพ่อแม่ของ น้องคนนั้นมาเรียบร้อย แม่บอกว่า พ่อแม่ของเค้าให้เหตุผลมาว่า พ่อแม่จน ไม่มีเงินส่งลูกเรียน เลยให้แต่งงานดีกว่า อีกอย่างน้องคนนั้นก็ท้องได้ 2 เดือนแล้ว (โอ้วแม่เจ้า !!!) อย่างงี่ใครไม่มีเงินเรียน ก็ต้องไปแต่งงานกันหมดสิ ถ้าคิดแบบนี้ นับว่าเ็นโชคดีของผมอีกเช่นกันที่ ที่พ่อแม่ พอจะมีเงินเลยได้เรียน ไม่งั้นคงได้แต่งงานไปนานแล้ว (555++ ขำๆ)
ผมเองก็ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเด็กจึงคิดอยากมีครอบครัวตั้งแต่เด็ก เพราะคนในชุมชนพูดเป็นแต่เรื่องเดียว ยกตัวอย่างผมเองเจอกับตัว ปีนี้ผมกลับมาบ้าน 3 ครั้ง เฉลี่ยประมาน 2-3 เดือนครั้งพอกลับมาถึงบ้าน เวลาใครเห็นผมกลับบ้านจะถามแค่ไม่กี่คำถามหรอก มีเมียหรือยัง ? หรือไม่ก็ถามว่า ทำไมไม่พาแฟนกลับมาด้วย…!! จนผมรู้สึกว่า เฮ้ย !!! เรื่องมีครอบครัวมีเมียนี้มันกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องหน้าที่การงาน และสุขภาพไปแล้วเหรอเนี่ย !!! หลายๆ ครั้งทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งๆ ที่เทโนโลยีเค้าพัฒนากันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ทำไมความคิดของคนถึงไม่พัฒนาตาม หลายๆ คนยังมีความคิดที่ล้าหลัง ไม่ยอมเปิดความคิดให้กว้าง ลูกอยากเรียนจับแต่งงาน ส่งไปทำงานในเมืองกรุง พอมีลูกก็เอาลูกน้อยมาให้แม่เลี้ยงที่บ้าน สิ่งนี้กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปตามชนบท ทั้งหมดนี้ผมคิดว่ามันมาจากการปลูกฝั่งที่ผิดๆ ของคนในครอบครัว ไม่เว้นแม้กระทั่งชมชุนเอง
ซึ่งแม่ผมเคยพูดว่า สังคมไทยปลูกฝั่ง เด็กไทยแบบแปลกๆ ไม่ถูกวิธี เช่นบอกว่า อายุไม่ถึง 20 ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวในพั่บในบาร์ได้ ซึ่งทำให้เด็กๆ คิดว่าเมื่อถึงอายุ 20 ปีแล้วทุกๆ คนก็สามารถไปเที่ยวพั่บเที่ยวบาร์ได้ พูดง่ายๆ เหมือนตั้งใจจะบอกเด็กๆ ว่า เมื่ออายุถึง 20 ปีให้ไปเที่ยวพั่บเที่ยวบาร์นะ แทนทีจะสอนว่าไม่ควรไปเที่ยว ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังเด็ก แม่ผมสอนมาแบบนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ ออกจะตลกด้วยซ้ำ แต่มา ณ ตอนนี้บอกได้เลยว่าผมเข้าใจ ว่าหลายๆ สิ่งพวกเราถูกปลูกฝั่งมาแบบผิดๆ หลายๆ สิ่งเราถูกสอนให้ทำ แต่ไม่ได้ถูกสอนว่าทำไปทำไม แม้แต่กระทั่งการเรียนก็ตาม บางวิชาเรียนหนักมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม อาจารย์ที่สอนก็ไม่เคยบอกว่า หลังจากเรียนวิชานี้ไปแล้ว พวกเราจะนำไปใช้ในด้านไหนได้บาง หรือทำไมต้องเรียนวิชานี้มันมีความสำคัญอะไรทำไมพวกเราถึงต้องเรียน แต่ผมเชื่อว่าหลายๆ วิชาเรียนไปเพื่อสอบเข้ามหาลัยเท่านั้น ซึ่งผมเองก็งงว่า เรียนมาหลายต่อหลายปี ทำไมนำมาใช้ไม่ได้เลย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้ที่มีไม่สามารถนำออกมาใช้งานได้หรือว่าไม่รู้วิธีนำออกมาใช้งานกันแน่

PostHeaderIcon ร่วมยินดีกับนางงามจากเวที มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2009

หลังจากวางเว้นจากการประกวดมาในปีที่แล้ว ด้วยสาเหตุอะไรผมก็ไม่ทราบ ไม่ได้ตามข่าวเลย กลับมาอีกครั้งสำหรับการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ผมคิดว่าหลายๆ คนคงได้ดูการถ่ายทอดสดการประกวดประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2009 ทางช่อง 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้นางงามมาครองมงกุฏ เธอคนนั้นชื่อ น้อง วิว นางสาวพงศ์ชนก กันกลับ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย หมายเลข 14 อายุ 18 ปี น้ำหนัก 52.8 กก. ส่วนสูง 175 ซม. สัดส่วน 33-26-37 กำลังศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ ม.เกษมบัณฑิต ได้คว้ามงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ประจำปี 2009 พ่วงด้วยรางวัลขวัญใจช่างภาพ มาครองได้สำเร็จ(ขอแสดงดีใจด้วยครับ)

ผมเองก็แอบเชียร์น้องวิวอยู่ เรียกได้ว่าสวยได้ใจผมมาก และผมก็เชื่อว่าหลายๆ คนได้ดูก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผมแน่นอนครับ ทั้งความสามารถ รูปร่างหน้าตา บุคคลิกการเดิน ที่ผมไม่ค่อยประทับใจตรงที่ เธอตอบคำถามไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเมื่อคืนหลายๆ คนเองก็ตอบคำถามไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะตื่นเต้นก็ได้ ยังไงก็ค่อยติดตามผลงานของเธอคนนี้กันต่อไปครับ อาจจะได้เห็นเธอไปประกวดตามเวทีต่างๆ และเร็วนี้น้องวิวจะได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศลาว ค่อยเชียร์น้องวิวด้วยนะครับ


รูปภาพจาก t-pageant.com

รูปภาพจาก t-pageant.com

รูปภาพจาก t-pageant.com

krapalm.com's Fan Box

krapalm.com on Facebook

About Me

ภาพถ่ายของฉัน
krapalm
Bachelor of Science Program in Information and Communication Technology Faculty of Informatics, Mahasarakham University
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน

Blog Archive